By 
Nissan Leaf เดิมนั้นมีระยะทางวิ่งได้ค่อนข้างสั้นเพียงแค่ 241 กิโลเมตร แต่ล่าสุดทางบริษัท มีการแก้ไขปัญหาว่าด้วยการเปิดตัว Leaf e+ ใหม่ ในงาน CES
Nissan Leaf e + นั้นจะได้รับการปรับปรุงในส่วนของชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนให้มีความจุขนาดใหญ่ถึง 62 kWh ของ นั้นจะทำให้สามารถวิ่งได้ในช่วงระยะทางประมาณ 363 กม. นั่นคือมากกว่ารุ่นมาตรฐานถึง 122 กม.
นอกเหนือจากแบตเตอรี่ที่ปรับปรุงแล้ว Leaf e + ยังมีมอเตอร์ไฟฟ้าที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ให้ได้พละกำลังเป็น 214 แรงม้า (160 kW / 217 PS) และแรงบิด 250 lb-ft (340 นิวตันเมตร) นี่เป็นการปรับปรุงที่สำคัญ เพราะในรุ่นมาตรฐานนั้นมีพละกำลังอยู่ที่ 147 แรงม้า (110 kW / 149 PS) และแรงบิด 236 lb-ft (319 นิวตันเมตร)
ที่มากกว่าแบตเตอรี่ที่ได้รับการอัพเกรดแล้ว นิสสันกล่าวว่าความเร็วสูงสุดยังเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ อัตราเร่งความเร็วจาก 80 – 120 กม./ชม. ก็เร็วขึ้นเกือบ 13 เปอร์เซ็นต์
นิสสัน ยืนยันว่า Leaf e + จะใช้งานได้กับระบบชาร์จไฟแบบเร็วขนาด 70 kW ใหม่ ซึ่งให้ผลลัพธ์สูงสุดถึง 100 กิโลวัตต์ บริษัท ไม่ได้เปิดเผยเวลาในการชาร์จอย่างละเอียด แต่การทดสอบก่อนหน้านี้เปิดเผยว่า เครื่องชาร์จแบบรวดเร็วสามารถเติมเต็ม Leaf e + ได้เร็วเกือบเท่ากับเครื่องชาร์จ 50 kW ที่ชาร์จไฟ Leaf แบบมาตรฐาน นี่คือความสำเร็จที่โดดเด่นเนื่องจาก Leaf e + มีความจุของแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่ามาก
ส่วนรูปลักษณ์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก Leaf e+ + จะยังคงคล้ายกับรูปแบบมาตรฐานเดิม อย่างไรก็ตามก็จะมีความโดดเด่นด้วยล้อขนาด 16 นิ้วและป้ายด้านหน้าที่ได้รับการแก้ไขโดยเน้นสีฟ้ามากขึ้นกว่าเดิม
ภายในมีระบบ Infotainment ขนาด 8 นิ้ว ที่ใหญ่กว่าเดิม ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับสมาร์ทโฟนที่รองรับ และรับการอัพเดทแบบ over-the-air ระบบยังมาพร้อมกับระบบนำทางที่อัพเดทซึ่งสามารถซิงค์กับโทรศัพท์ของคุณ เพื่อจัดทำ“ การนำทางแบบ door-to-door” รวมถึงเส้นทางเดินเท้า
ในแง่ของความปลอดภัยมีระบบการขับขี่แบบกึ่งอิสระ ProPILOT Assist ซึ่งสามารถทำให้รถอยู่กึ่งกลางในเลน และปรับความเร็วให้เหมาะสมกับการจราจรโดยอัตโนมัติ The Leaf e + จะมาพร้อมกับมาตรฐานของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ รวมถึง Intelligent Lane Intervention, Lane Warning Warning, การเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ, Blind Spot Warning, Rear Cross Traffic Alert และ Intelligent Around View Monitor พร้อมการตรวจจับวัตถุเคลื่อนที่
Leaf e + จะวางจำหน่ายที่ญี่ปุ่นในปลายเดือนนี้ และวางจำหน่ายในยุโรปจะเริ่มขึ้นในช่วงกลางปี ในสหรัฐฯ จะเริ่มวางขายในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิและจะมีถึงสามเวอร์ชั่นที่แตกต่างกันซึ่งเรียกว่า S PLUS, SV PLUS และ SL PLUS
ที่มา : Carscoops
