เมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่งยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ Mercedes-AMG C 63 S Coupé โฉมใหม่ เสริมทัพพอร์ตโฟลิโอเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลุยตลาดรถสมรรถนะสูงต่อเนื่อง ส่งยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ Mercedes-AMG C 63 S Coupé โฉมใหม่ เสริมทัพพอร์ตโฟลิโอเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด รุกตลาดรถยนต์สมรรถนะสูงต่อเนื่อง เสริมทัพรถยนต์ตระกูลเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เปิดตัวยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้พันธุ์แรงภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีรุ่นล่าสุด Mercedes-AMG C 63 S Coupé โฉมใหม่ ที่ยกระดับ “สมรรถนะการขับขี่” ขึ้นไปอีกขั้น ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความปราดเปรียวเร้าใจ ในแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีมากยิ่งขึ้น โดยรถยนต์รุ่นนี้จะนำเสนอในราคา 10,129,000 บาท ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมพร้อมสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศ
มร. โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีได้รับการยอมรับในฐานะแบรนด์รถสปอร์ตระดับแถวหน้าของโลกที่โดดเด่นทั้งในด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ต และด้านการพัฒนารถยนต์ที่มีเอกลักษณ์ ด้วยหลักการสร้างสรรค์รถยนต์ที่สามารถ ‘ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ – Driving Performance’ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ สำหรับในประเทศไทย บริษัทฯ ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูง ด้วยการนำเสนอรถยนต์ภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีรุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละรุ่นมีคาแรกเตอร์และความโดดเด่นที่แตกต่างกัน เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ส่งผลให้เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าที่ชื่นชอบในสมรรถนะความเร้าใจของรถยนต์กลุ่มนี้ ด้วยยอดขายรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีห้าเดือนที่ผ่านมาที่เติบโตขึ้นประมาณ 160%เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา”
มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Mercedes-AMG C 63 S Coupé คือรถยนต์สปอร์ตคูเป้ตระกูล 63 ที่มาพร้อมดีไซน์ภายนอกอันโฉบเฉี่ยวของตระกูลซี-คลาส และการยกระดับสมรรถนะด้วยการพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ ทั้งกระจังหน้าและล้ออัลลอยด์ที่จะช่วยควบคุมการไหลเวียนของลมที่ปะทะด้านหน้าของตัวรถให้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มเติมความหรูหราและความสปอร์ตภายในห้องโดยสารให้โดดเด่นมากกว่าเดิม พร้อมด้วยระบบเทคโนโลยีและความปลอดภัยอันล้ำสมัย ที่จะยกระดับประสบการณ์ในการขับขี่ขึ้นไปอีกขั้น”
“นอกจากนี้ Mercedes-AMG C 63 S Coupé ยังได้รับการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ของ ‘Mercedes me connect’ บริการเสริมที่จะมอบประสบการณ์แบบไร้รอยต่อเพื่อเชื่อมโยงลูกค้า รถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการรวมถึงบริการอื่นๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์เข้าไว้ด้วยกันเพียงปลายนิ้วสัมผัส โดยฟีเจอร์ใหม่นี้มีความโดดเด่นมากมายไม่ว่าจะเป็น Mercedes-Benz emergency call system บริการที่จะคอยช่วยเหลือคุณจากสถานการณ์ฉุกเฉินระบบวิเคราะห์สภาพรถยนต์ Telediagnostics ที่จะคอยส่งข้อมูลและสถานะของรถยนต์ไปยังศูนย์บริการเมื่อตรวจพบความเสียหาย ระบบตั้งค่ารถยนต์ (Pre-installation for Vehicle Set-up) และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ (Remote Engine Start)
Mercedes-AMG C 63 S Coupé
Mercedes-AMG C 63 S Coupé ยกระดับ “สมรรถนะการขับขี่” ขึ้นไปอีกขั้น ด้วยพละกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 4 ลิตร พร้อม Bi-turbo ด้วยเทคนิคการติดตั้ง turbo แบบ Hot inside V เพื่อให้ได้การระบายความร้อน และการกระจายน้ำหนักของเครื่องยนต์ที่ดีขึ้น ผสานการออกแบบตัวรถที่วางให้ระยะห่างระหว่างจุดกึ่งกลางของล้อคู่หน้า และคู่หลัง (Track Width) กว้างขึ้น การเลือกใช้ยางที่มีขนาดใหญ่กว่ารถในตระกูล C-Class รุ่นปกติ ผสานกับเพลาหลังที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ และใช้ชุดเฟืองท้ายแบบ LSD (Limited-slip differential) ที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ช่วยป้องกันอาการล้อหลังลื่นไถลขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง เสริมให้ตัวรถยึดเกาะถนนได้ดี โดยทำงานร่วมกับระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP®) ซึ่ง ผู้ขับสามารถเปิดหรือปิด หรือเปลี่ยนเป็น SPORT Handling ได้ตามต้องการ นอกจากนี้ ยังมีระบบเกียร์แบบสปอร์ต AMG SPEEDSHIFT MCT 9-SPEED Sports Transmission ที่ช่วยให้การตอบสนองของรถในระหว่างที่มีการเปลี่ยนเกียร์รวดเร็ว และราบรื่นยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการปรับตั้งค่าเครื่องยนต์ และระบบเกียร์ที่สอดรับกันอย่างลงตัวไม่เพียงเท่านั้นผู้ขับยังสามารถปรับตั้งค่าการทำงานของเครื่องยนต์ และระบบที่เกี่ยวข้องได้
ดีไซน์ภายนอก ของ Mercedes-AMG C 63 S Coupé โฉมใหม่ได้รับการปรับปรุงให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้า AMG specific radiator grille แบบด้าน ฝากระโปรงหน้าที่ปรับแต่งด้วยเส้นสายใหม่ให้สวยงามกว่าเดิม โครงสร้างบังคับทิศทางลมที่ยกตัวขึ้นจากฝากระโปรงหน้าที่ได้รับการออกแบบให้ช่วยควบคุมการไหลเวียนของลมที่ปะทะด้านหน้าของตัวรถให้ดียิ่งขึ้น สเกิร์ตข้างที่ดีไซน์ให้เข้ากับล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ขนาด 19 นิ้วน้ำหนักเบาจากเอเอ็มจี โดยช่องลม และองศาก้านล้อได้รับการปรับปรุงอย่างละเอียดในอุโมงค์ลมเพื่อให้การไหลเวียนของอากาศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการพัฒนาล้ออัลลอยนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ น้ำหนักรถและความร้อนที่ระบบเบรก ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะ และอัตราการใช้พลังงาน และดีไซน์ของฝากระโปรงหลังยังมาพร้อมกับปีกแบบ AMG ที่มีโครงสร้างบังคับทิศทางลมที่ดูสะดุดตา รวมถึงดิฟฟิวเซอร์สไตล์ใหม่ที่ช่วยพัฒนาการไหลเวียนของอากาศด้านหลังตัวรถ
นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับประตูแบบไร้ขอบ พร้อมตกแต่งรอบคันด้วย AMG Bodystyling (กันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง) เทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam ซึ่งประกอบด้วยหลอดไฟ LED ที่ทำงานอิสระจำนวน 84 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถปรับความเข้มแสงโดยใช้ระบบไฟหน้าให้เข้ากับสภาพการจราจรโดยรอบได้ ซึ่งระบบไฟหน้า MULTIBEAM LED มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าระบบไฟ LED มาตรฐาน เช่น ระบบไฟส่องสว่างขณะขับผ่านสี่แยกหรือวงเวียน ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเมือง และระบบไฟส่องสว่างสำหรับสภาวะอากาศเลวร้าย ทั้งนี้ ระบบไฟสูง ULTRA RANGE Highbeam จะทำงานอัตโนมัติหากระบบตรวจจับได้ว่าไม่มีผู้สัญจรในทางรถสวน ถนนข้างหน้าเป็นทางตรง และผู้ขับขี่ใช้ความเร็วตั้งแต่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป โดยระบบไฟสูง ULTRA RANGE Highbeam จะช่วยให้ไฟหน้าของรถมีความสว่างในระดับที่สูงขึ้นตามความเร็วของรถ โดยสามารถส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับหลังคาแก้วแบบ panoramic sliding sunroof ที่เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าอีกด้วย
ดีไซน์ภายใน มาพร้อมชุดเบาะที่นั่ง AMG Performance seats ด้วยวัสดุหุ้มหนังแท้กับคุณสมบัติ การอุ่นเบาะที่ปรับได้ 3 ระดับ เสริมทั้งพนักพิงหลัง และปีกทั้ง 2 ข้าง เพื่อปกป้องด้านข้างของผู้ขับขี่ขณะขับรถด้วยความเร็วสูงได้ดียิ่งขึ้น พนักพิงศีรษะที่ออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อช่วยปลุกเร้าความสปอร์ตภายในห้องโดยสาร เพิ่มเติมความสะดวกสบายด้วยแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว ที่มีโหมดการแสดงผล 3 แบบในสไตล์เอเอ็มจี คือ Classic, Sport และ Super sports พร้อมระบบปฏิบัติการที่ใช้งานง่าย และมีความยืดหยุ่นสูงในการควบคุม เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกคำสั่งต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็ว และสอดคล้องกับสภาพการขับขี่ด้วยความเร็วสูง รวมถึงผู้ขับขี่ยังจะได้พบกับความสปอร์ตเร้าใจมากกว่าที่เคยด้วยพวงมาลัยรุ่นใหม่แบบ AMG Performance Steering Wheel หุ้มด้วยหนังชนิด Nappa leather ตัดสลับกับ DYNAMICA microfibre ที่มีรูปทรงสปอร์ตท้ายตัดที่ออกแบบเป็นวงโค้งอย่างสมบูรณ์แบบ มาพร้อมกับปุ่ม AMG steering wheel button สามารถใช้คำสั่งหรือก้านควบคุมต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น คันเกียร์ที่คอพวงมาลัยชุบวัสดุโลหะ และรองรับโหมดเกียร์ธรรมดา และ Touchpad 2 ข้าง ที่คอพวงมาลัยซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาในรุ่นนี้ โดยด้านซ้ายใช้ควบคุมแผงหน้าปัด และ Cruise Control ด้านขวาใช้ควบคุมระบบมัลติมีเดีย ระบบโทรศัพท์ ระบบสั่งการด้วยเสียง เป็นต้น นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมีระบบป้อนเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติ สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า หน้าจอมัลติมีเดียขนาด 10.25 นิ้ว ทำงานร่วมกับ COMAND Online พร้อม Touchpad และController ระบบเสียง รอบทิศทาง Burmester® และผู้ขับขี่ยังสามารถปรับโทนสีของไฟภายในห้องโดยสาร Premium Ambient Lighting ที่มีให้เลือกถึง 64 สี
ระบบเทคโนโลยี และระบบความปลอดภัย ที่มีอย่างมากมายเพื่อช่วยเสริมเรื่องความปลอดภัย และยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น อาทิ ระบบ AMG DYNAMIC SELECT, ระบบ PRE-SAFE®, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program – ESP®) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system – ABS) ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light) ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA (Active Brake Assist system)ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC) ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator) ระบบเตือนแรงดันลมยาง (Tyre pressure monitoring system) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) พร้อมถุงลมนิรภัย 7 ลูก 9 ตำแหน่ง เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC) ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดแบบอัตโนมัติ (Active Parking Assist) และกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Reversing camera), ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™, ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) และระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ Bluetooth
นวัตกรรมและเทคโนโลยี Mercedes-AMG C 63 S Coupé มาพร้อมกับชุดคำสั่งเอเอ็มจี เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้การขับขี่มีความสปอร์ตจนถึงขีดสุด ได้แก่
- หน้าจออุณหภูมิของเหลว (Warm-up) ที่แสดงอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และแรงดันในโหมด Boost
- หน้าจอการตั้งค่า (Setup) แสดงข้อมูลของโหมดการขับขี่ที่ใช้งานอยู่ การตั้งค่าระบบกันสะเทือน โหมดการปล่อยไอเสีย การตั้งค่าระบบ ESP® และเกียร์ที่ใช้อยู่
- หน้าจอแรงจี (G-Force) แสดงแรงจีปัจจุบันที่กดลงมาที่ตัวรถ เมื่อผู้ขับขี่ใช้ความเร็วใดๆ และให้คำแนะนำในการขับขี่ให้เหมาะสม
- หน้าจอจับเวลา (Race Timer) สำหรับการจับเวลาโดยตัวผู้ขับขี่เอง ซึ่งสามารถจับเวลาต่อรอบพร้อมทั้งแสดงรอบที่ใช้เวลาน้อย และมากที่สุดได้พร้อมกัน รวมถึงระยะที่ขับขี่และความเร็วเฉลี่ย
- หน้าจอข้อมูลเครื่องยนต์ (Engine data) แสดงแรงบิด และกำลังเครื่องยนต์แบบกราฟแท่ง รวมถึงแรงดันในโหมด Boost
นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ยังติดตั้งหน้าจอดิจิทัลสำหรับแสดงความเร็ว และเกียร์ปัจจุบัน เมื่อเปิดการใช้งานโหมดเกียร์ธรรมดา โดยสัญลักษณ์ตัว M สีเหลืองจะปรากฏขึ้นมาที่หน้าจอ และรถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่มีให้เลือก 5 โหมด คือ Comfort, Sport, Sport+, Race และ Slippery เพื่อช่วยกระจายกำลังให้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ และเหมาะสมกับสภาพถนนที่เปียกเพราะฝนหรือหิมะ
รุ่น |
เครื่องยนต์ |
ปริมาตร กระบอกสูบ (ซีซี) |
แรงม้าสูงสุด |
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบต่อนาที) |
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. |
ความเร็วสูงสุด (กม./ ชม.) |
Mercedes-AMG C 63 S Coupé |
เบนซิน V8 ขนาด 4 ลิตร พร้อม Bi-turbo |
3,982 |
510 /5,500-6,250 |
700/2,000 – 4,500 |
3.9 |
290 |
- Mercedes-AMG C 63 S Coupé ราคา 10,129,000 บาท