NETA V ลุยตลาดอีวีเมืองไทย เปิดราคา 549,000 บาท
บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบรนด์ NETA จากประเทศจีน เปิดตัวแบรนด์ NETA อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
ตั้งบริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นศูนย์กลางธุรกิจรถไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน พร้อมผนึกพันธมิตรใหญ่ ปตท. สร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในไทย เตรียมแนะนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้าสู่ตลาดอย่างน้อยปีละ 1 รุ่น ประเดิมเปิดตัว “NETA V” (เนต้า วี) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้แนวคิด “Touchable Smart EV” เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าเพื่อคนไทยทุกคน
มร. หวัง เฉิงเจี่ย (Mr. Wang ChengJie) รองประธาน บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด กล่าวว่า “ด้วยเป้าหมายที่จะให้ผู้คนทั่วทุกมุมโลกมีโอกาสได้ใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงทุ่มเทให้กับ “การสร้างรถยนต์เพื่อการใช้งานสำหรับทุกคน” ให้มี “สิทธิในการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียมกัน”
โดยทำหน้าที่เป็น “ผู้สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้” ทำให้ NETA เริ่มแผนการขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยประเทศไทยคือเป้าหมายแรกภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าวซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียนที่มีศักยภาพสูง ภาครัฐมีนโยบายและมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ขณะที่ผู้บริโภคก็เปิดรับยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเช่นกัน”
บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด หรือ Hozon Auto เป็นผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ NETA ซึ่งเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จากประเทศจีน ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในระยะเวลาเพียง 4 ปี ของการดำเนินธุรกิจโดยสามารถเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกได้ภายในปี 2561 และจัดอยู่ในกลุ่มบริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มียอดขายที่เติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในตลาดรถยนต์ประเทศจีน ด้วยอัตราการเติบโตสูงกว่า 362% ในปี 2564 ที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารวมแล้วกว่า 170,000 คัน ช่วยลดการปล่อยมลพิษได้กว่า 279,000 ตัน ปัจจุบันบริษัทฯ มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำตลาด 3 รุ่นได้แก่ NETA U รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ SUV; NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ City Car รวมไปถึง NETA S รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์สปอร์ต
ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการให้ทุกคนมี “สิทธิในการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียม” บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีอัจฉริยะในทุกมิติเพื่อพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีนวัตกรรม ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้อย่างแท้จริง ปัจจุบัน
บริษัทฯ มีศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวม 6 แห่ง โดย 3 แห่งอยู่นอกประเทศจีน ครอบคลุมทั้งในเยอรมนี อิตาลี รวมทั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะใน Silicon Valley สหรัฐอเมริกา พร้อมโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้มาตรฐานระดับโลกรวม 3 โรงงานตั้งอยู่ในมณฑลเจ้อเจียง มณฑลเจียงซี และหนานหนิงเขตกวางสี ที่มีกำลังการผลิตรวม 250,000 คันต่อปี โดยโรงงานที่เมืองหนานหนิงจะเป็นโรงงานหลักสำหรับผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพวงมาลัยขวาเพื่อส่งออกมายังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก โดยมีตลาดที่สำคัญอยู่ที่ประเทศไทย พร้อมกำลังการผลิตอยู่ที่ 100,000 คัน
ยิ่งไปกว่านั้น NETA ยังร่วมมือกับผู้นำด้านนวัตกรรมระดับโลกในหลายธุรกิจ อาทิ Sense Time ผู้พัฒนาอัลกอริทึม AI รายใหญ่ของโลก; Horizon Robotics ผู้นำด้านแพลตฟอร์มการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ (AI); Huawei ผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT); CATL หนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมไปถึงกลุ่มปตท. ในประเทศไทย
NETA มีแพลตฟอร์มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ 2 แพลตฟอร์ม ได้แก่ HPC และ HPA ครอบคลุมตลาดตั้งแต่กลุ่ม A00 ถึงระดับ B โดยตั้งเป้าแนะนำรถยนต์รุ่นต่างๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
NETA ได้ขยายธุรกิจสู่ตลาดประเทศไทยในปี 2565 ในนาม บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (Arun Plus) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้น 100% เพื่อศึกษาความเป็นไปได้สำหรับโอกาสทางธุรกิจและการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว Arun Plus จะเข้ามาร่วมสร้างนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าร่วมกันกับ NETA ในหลากหลายมิติ โดยบทบาทหลักคือการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ให้กับ NETA ผ่านบริษัท Horizon Plus ซึ่งจะสามารถเปิดสายพานการผลิตได้ภายในปี 2024 อีกทั้งยังเป็นฐานการผลิตสำหรับการส่งออกไปจำหน่ายในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย
มร. เป่า จ้วงเฟย (Mr. Bao Zhuangfei) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า “การดำเนินงานในประเทศไทย บริษัทฯ มุ่งเน้นความสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม และมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดี เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในรูปแบบใหม่ เพื่อคนไทยสามารถเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ NETA “Popularizer of Smart EV: สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้”
· ด้านผลิตภัณฑ์ : บริษัทฯ มีแผนแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ครอบคลุมทั้งในกลุ่มรถยนต์นั่ง และรถยนต์ในกลุ่ม SUV เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าคนไทย ประเดิมด้วย NETA V สำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์นั่งในกลุ่ม B ที่ให้ความคล่องตัวในการขับขี่ ก่อนจะเปิดตัวรถรุ่นอื่นๆ อีกอย่างต่อเนื่องทุกปี
· ด้านช่องทางจำหน่าย : ปัจจุบัน NETA มีผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว 24 แห่ง ครอบคลุมในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองใหญ่ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าวางเป้าหมายขยายเพิ่มเป็น 30 แห่ง ภายในปีนี้ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ยังเปิดให้บริการ NETA SPACE (เนต้า สเปช) ภายในพื้นที่ศูนย์การค้าเพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า
· ด้านประสบการณ์ลูกค้า : บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขาย โดยมีการเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งการฝึกอบรมความพร้อมเจ้าหน้าที่สำหรับดูแลลูกค้าอย่างมืออาชีพ การจัดเตรียมอะไหล่สำรองให้สามารถรองรับกับความต้องการของลูกค้าอย่างทันท่วงที บริการช่วยเหลือลูกค้ากรณีฉุกเฉินผ่าน NETA Call Center ที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ City Car มาพร้อมแนวคิด “Touchable Smart EV” รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ ได้รับการออกแบบภายนอกที่ลงตัวตามหลักอากาศพลศาสตร์ และการออกแบบภายในที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดดเด่นด้วยหน้าจอ Infotainment ระบบสัมผัส ขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว พร้อมระบบการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ กุญแจแบบสมาร์ทคีย์พร้อมระบบ Ride & Go ให้รถพร้อมสำหรับการขับขี่ทันทีที่เปิดประตูรถ
NETA V มีสมรรถนะเพียงพอต่อการใช้งานด้วยมอเตอร์ขนาด 95 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-Ion Battery) ความจุ 38.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางในการวิ่งสูงสุด 384 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็มตามมาตรฐาน NEDC ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น IP67 พร้อมด้วยระบบจัดการอุณหภูมิแบตเตอรี่ HEPT 3.0 และระบบระบายความร้อนแบบ LIQUID COOLING SYSTEM รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC Normal Charge จาก 0-100% ในระยะเวลาประมาณ 8 ชั่วโมง และการชาร์จกระแสตรง DC Quick Charge จาก 30-80% ในระยะเวลาประมาณ 30 นาที
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ด้วยฟังก์ชัน V2L (Vehicle to Load) จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยกำลังสูงสุดถึง 3,300 วัตต์ พร้อมการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างครบครัน
NETA V มีให้เลือก 5 สี ประกอบด้วยสีเขียว Cyan สีขาว White Storm สีชมพู Sakura Pink สีเทา Midnight Grey และสีฟ้า Sky Blue