Honda เตรียมประกาศ 2 โมเดลล่าสุด หรือจะเป็น CBR250RR และ CB150R StreetFire เวอร์ชั่นใหม่
หลังจากที่มีกระแสข่าวร้อนแรงออกมาว่า ทาง Astra Honda Motor หรือ AHM นั้นได้เตรียมนำเสนอ 2 โมเดลใหม่ล่าสุดจากทางค่ายในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 13 ก.ค. นี้ ซึ่งได้คาดว่าจะเป็นรถในแนวสปอร์ตเรพลิก้าอย่าง CBR250RR และสปอร์ตเนกเกตอย่าง CB150R StreetFire เวอร์ชั่นใหม่นั่นเอง
โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบไมเนอร์เชนจ์ หรือการอัพเกรดกันในบางจุดให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยที่จะยังคงใช้เครื่องยนต์และเฟรมรถตัวเดิม แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงพวกรายละเอียดหรือออพชั่นต่างๆ ของตัวรถกัน
ซึ่งในขณะนี้เรายังไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างรวดเร็วสำหรับ CBR250RR ที่เพิ่งจะเริ่มวางขายกันครั้งแรกตอนต้นปี 2017 ที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่ถึง 2 ปีเต็ม แต่สำหรับ CB150R StreetFire นั้นก็มีอายุอานามถึง 3 ปีแล้วในโฉมปัจจุบัน ดังนั้นแล้วก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง และก็มีภาพหลุดออกมาให้เราเห็นกันด้านล่างนี้
สำหรับ CBR250RR ตัวปัจจุบันนั้น จุดเด่นของโมเดลนี้ก็คือ คันเร่งไฟฟ้าแบบ ride-by-wire ที่มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ถึง 3 รูปแบบด้วยกัน (Comfort, Sport, Sport +) กับเครื่องยนต์ขนาด 249cc 8 วาล์ว แบบ 2 สูบเรียง โช้คอัพด้านหน้าเป็นแบบหัวกลับ USD ในขณะที่โช้คอัพด้านหลังสามารถปรับระยะพรีโหลดได้ถึง 5 ระดับด้วยกัน และระบบไฟ LED รอบคัน ที่เน้นการดีไซน์ตัวรถให้มีความเฉียบคมมากเป็นพิเศษ ท่อออกข้างแบบคู่ที่เป็นท่อจริงทั้งสองอัน เฟรมเหล็กแบบใหม่ที่มีความแข็งแรงทนทาน แต่น้ำหนักเบามากๆ แฮนด์แบบคลิปออน
โดยรวมทั้งหมดนี้มันจึงออกมาเป็นรถสปอร์ตแบบเรพลิก้า (สำหรับลงสนามแข่ง) แบบเต็มตัวสำหรับ CBR250RR ซึ่งทำความเร็วสูงสุดได้อยู่ที่ราวๆ 185 กม./ชม. ส่วน CB150R StreetFire นั้นใช้เครื่องยนต์ขนาด 149.48 ซีซี 1 สูบ 4 จังหวะ 4 วาล์ว DOHC ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักอยู่ที่ 63.5 x 47.2 มม. แรงอัดอยู่ที่ 11.0:1 ให้แรงม้ามาที่ 12.5 กิโลวัตต์ ที่ 10,000 รอบ ส่วนทอร์คนั้นอยู่ที่ 13.1 นิวตัน-เมตร ที่ 8,000 รอบ ระบบสตาร์ทนั้นมีทั้งสตาร์ทมือและเท้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีด
ในเบื้องต้นก็น่าจะเป็นการเปิดตัวเพื่อทำตลาดในประเทศอินโดนีเซียก่อน แล้วจึงจะส่งออกไปบางประเทศที่มีการทำตลาดกัน (ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, เวียดนาม สำหรับ CBR250RR) ส่วนในประเทศไทยเราก็น่าจะยังไม่มีลุ้นกันในปีนี้อย่างแน่นอน ส่วนปีหน้าคงต้องมาติดตามกันว่าทาง A.P. Honda จะมีนโยบายในการเน้นการทำตลาดของรถสปอร์ตแฟร์ริ่งเต็มตัวในคลาส 150 และ 300 หรือไม่ หลังจากที่ปีนี้เน้นในเรื่องของรถแบบนีโอสปอร์ตคาเฟ่เป็นหลัก
ที่มา : tmcblog