All New Honda CB1000R พี่ใหญ่ในกลุ่ม Neo Sport Cafe มีโอกาสเข้าไทยปีนี้
หลังจากที่ทางค่าย Honda ได้ทำการเปิดตัวทั้ง CB150R และ CB300R กันไปในประเทศไทยแล้ว ยังมีอีกหนึ่งโมเดลในกลุ่มรถ Neo Sport Cafe ที่มีโอกาสเข้ามาเปิดตัวในบ้านเราช่วงปี 2018 นี้กันอีก นั่นก็คือ All New CB1000R ที่เปิดตัวไปแล้วในงาน Eicma Show 2017
แน่นอนว่าเจ้า All New CB1000R นั้นไม่ได้เป็น 1 ใน 10 รุ่นใหม่ที่เตรียมเปิดตัวปีนี้ จากภาพเงาด้านล่างนี้ ที่ทางฮอนด้าบ้านเราแถลงข่าวใหญ่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่หากเราสังเกตดีๆ ทั้ง 10 โมเดลที่เห็นกันนั้นจะเป็นรถที่ขายกันใน Wing Center ปกติ หรืออีกนัยหนึ่งไม่ได้รับรวมรถที่จะขายกันใน Honda BigBike (BigWing) นั่นเอง
ดังนั้นแล้วกับเจ้า All New Honda CB1000R นั้นจะเป็นการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน และวางจำหน่ายกันที่ศูนย์ของ Honda BigBike โดยตัวรถนั้นแม้ว่าจะมีการดีไซน์ไฟหน้าแบบไฟกลมนั้น แต่ว่ารูปลักษณ์ของตัวรถโดยรวมแล้วถือว่าเป็นรถสปอร์ตเนกเกตที่มีความดุดันก้าวร้าวอยู่ในตัวสูง และมีเส้นสายที่ดุดัน มาพร้อมกับแฮนด์บาร์แบบยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย ภาพรวมมันจึงเป็นรถที่ผสมผสานทั้งความคลาสสิก – โมเดิร์น และ แอคเกรซซิฟได้อย่างลงตัว
โดยที่เครื่องยนต์พื้นฐานของตัวรถนั้นเป็นการยกเอามากจาก CBR1000RR Fireblade โดยที่มีการปรับเพิ่มพละกำลังของเครื่องยนต์เมื่อเทียบกับโมเดลเดิมก่อนหน้านี้ถึง 16% ด้วยกัน รวมไปถึงทอร์คหรือว่าแรงบิดที่มากกว่าเดิมถึง 5% ด้วยกัน ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 998cc แบบสี่สูบเรียง ให้แรงม้าสูงสุดมาที่ 143.4 ตัวที่ 10,500 รอบต่อนาที โดยรวมแล้วมันจึงเป็นรถที่เน้นเน้นพละกำลังที่จัดจ้านมากเป็นพิเศษ
และตัวรถเองนั้นยังคงหยิบยกเอาคันเร่งไฟฟ้า (ride by wire) มาจาก CBR1000RR ด้วยซึ่งมาพร้อมกับโหมดในการขับขี่ 3 โหมดด้วยกัน ซึ่งสามารถปรับแต่งให้ใช้งานได้ตามความเหมาะสมของแต่ละยูสเซอร์ หรือตามสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป และตัวรถเองนั้นยังคงมีระบบ slipper clutch (ป้องกันท้ายปัดขณะเชนจ์เกียร์) และมี quickshifter (ตัวช่วยเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องกำคลัทช์) ติดตั้งมาให้ด้วย โดยที่โครงสร้างของตัวรถนั้นเป็นแบบเหล็กที่ถูกออกแบบมาใหม่เพื่อรถคันนี้โดยเฉพาะเลย และโช้คหัวกลับด้านหน้าของ Showa ที่ทั้งหมดนี้ก็ช่วยให้น้ำหนักตัวของรถโมเดลใหม่นี้น้อยลงกว่าเดิมถึง 12 กก. ด้วยกัน
ในขณะที่ระยะฐานล้อนั้นมีความยาวมากขึ้นกว่า CBR1000RR มันจึงเหมาะสมกับการใช้งานจริงในท้องถนนมากกว่า และมีความเสถียรกว่าในการขับขี่ และเบรกหน้าเป็นปั้มแบบเรเดียลทำงานร่วมกับระบบ ABS ท่อไอเสียนั้นเป็นแบบท่อคู่ออกด้านข้าง ส่วนสวิงอาร์มหลังนั้นเป็นแบบสวิงอาร์มเดี่ยว หรือที่บ้านเราเรียกกันว่าโปร์อาร์มนั่นเอง หากว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ ในช่วงเวลากลางปี 2018 จนถึงปลายปีนั้นก็น่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่ทางค่ายปีกนก Honda ประเทศไทยจะเปิดตัวบิ๊กไบค์คันนี้อย่างเป็นทางการ รอติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่นี่แน่นอน